วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เวลาไม่กล้าเข้ามายุ่งกับผม เพราะขืนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเข้ามา
อาจโดนผม “ฆ่าเวลา”เอาได้ (^_^) เพราะในมือผมมีหนังสือเป็นอาวุธในการฆ่าเวลาอยู่เล่มหนึ่ง
แต่แทนที่หนังสือจะได้ทำหน้าที่ของมัน
ผมกลับถูกดึงความสนใจไปที่ “เด็กน้อย” กลุ่มหนึ่งในร้านเกมส์ออนไลน์
พวกเขากำลังสนุกสนานกับการผจญภัยในแดนต่างๆ ของเกมส์
ที่ผมสนใจไม่ใช่เกมส์ที่เด็กๆเล่นแต่เป็นเกมส์ที่ผมเล่นตอนที่อายุเท่ากันมากกว่า
ในช่วงอายุที่เท่ากัน เกมส์ที่ผมและเพื่อนๆเล่น
ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกใดๆเข้ามาร่วมสนุกกับพวกผมเลย
ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกใดๆเข้ามาร่วมสนุกกับพวกผมเลย
สงสัยว่าเส้นทางในการเดินมายังบ้านเกิดของพวกผมจะยากลำบากมากเกินไป
(บ้านนอกนะเอง ฮ่าๆๆ)
(บ้านนอกนะเอง ฮ่าๆๆ)
แต่นั้นไม่ได้ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของผมหมดสนุกไป กลับกัน
มันกลับเป็นความทรงจำที่หอมหวานทุกครั้งที่นึกถึง
มันกลับเป็นความทรงจำที่หอมหวานทุกครั้งที่นึกถึง
เกมส์ต่างๆที่เล่นกันมีอยู่หลายเกมส์ แต่ละเกมส์ไม่พ้นการคลุกฝุ่น
เปรอะเปื้อน แก้มมอมกันทุกวันไป
เปรอะเปื้อน แก้มมอมกันทุกวันไป
(เดือนร้อนคุณแม่ที่ต้องคอยซักเสื้อผ้า ^^!! )
ที่สำคัญทุกเกมส์ล้วนแล้วแต่ ต้องวิ่งๆ ลุกๆ นั่งๆ มากกว่าที่จะอยู่นิ่งๆ
เหมือนเด็กพวกนี้ที่กำลังอยู่หน้าคอมฯ
เหมือนเด็กพวกนี้ที่กำลังอยู่หน้าคอมฯ
เกมส์แรกเป็นเกมส์ที่ต้องอาศัย”ฝีนื้ว” มากกว่า “ฝีมือ” นั้นคือการเล่น “ลูกแก้ว”
การเล่นลูกแก้วมีหลายแบบ “อีหลุม” “ อีเส้น” “หม้อ” หรือ “ปากระป๋อง”
(อย่างหลังนี้อาศัย “ฝีปา” มากกว่าฝีนิ้ว)
(อย่างหลังนี้อาศัย “ฝีปา” มากกว่าฝีนิ้ว)
ปล. ชื่อเกมส์มันเป็นภาษาเหนือบ้านผมน่ะครับ บางคนอาจจะไม่เข้าใจ ฮ่าๆๆๆ
ความเร้าใจของการเล่นนอกจากความภูมิใจในการเป็นผู้ชนะ ซึ่งแสดงถึงความเป็นยอดฝีนิ้วแล้ว
การได้ลูกแก้วของผู้แพ้คนอื่นๆ ไปไว้ในครอบครอง เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การเล่นสนุกมากขึ้น
การที่เดินกลับบ้านพร้อมกับได้ยินเสียงกระทบกันของลูกแก้วที่มีอยู่ตุงกระเป๋ากางเกง
มันทำให้ผมอมยิ้มได้ตลอดทาง...(^___^)
มันทำให้ผมอมยิ้มได้ตลอดทาง...(^___^)
“หนังว๊อง” (หนังยางเส้น) เป็นเกมส์หนึ่งที่ต้องอาศัยฝีดีดเป็นอย่างมาก
กับการที่ต้องใช้ยางเส้นคู่ใจดีดยางเส้นหนึ่งให้ออกมาจากกองยางเส้น
โดยไม่ให้ยางเส้นที่ไม่ได้กำหนดกระเด็นตามออกมา
โดยไม่ให้ยางเส้นที่ไม่ได้กำหนดกระเด็นตามออกมา
ถือเป็นความท้าทายและเป็นการโชว์เทพ พลัดกันยิงคนละที ในระยะที่ตกลงกันไว้
ใครมือยาวจะได้เปรียบกว่าเพื่อนคนที่แขนสั้นกว่า (^__^)
การบ่งบอกถึงฝีมือจะสามารถดูได้จากข้อมือของแต่ละคน
ใครชนะบ่อยจำนวนยางที่ใส่ไว่ที่ข้อมือก็จะมีมากตามไปด้วย
ใครชนะบ่อยจำนวนยางที่ใส่ไว่ที่ข้อมือก็จะมีมากตามไปด้วย
สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับชัยชนะ
ก็สามารถที่จะเพื่มฐานะยางของตนเองได้ด้วยการไปซื้อมาใส่
ก็สามารถที่จะเพื่มฐานะยางของตนเองได้ด้วยการไปซื้อมาใส่
แต่สำหรับผม..ไม่!! ยางที่นอนสงบนิ่งบนข้อมือผม… ฝีมือล้วนๆ!!
(เรื่องจริ๊งงงง (อ่านเสียงสูงนิดๆ))
(เรื่องจริ๊งงงง (อ่านเสียงสูงนิดๆ))
“ลูกข่าง” เป็นอีกเกมส์หนึ่งที่ตื่นเต้นมาก
เกมส์นี้ได้ความสะใจล้วนๆ ลูกข่างที่จะเข้าไปอยู่ในวงกลม แล้วให้ข่างลูกอื่นๆรุมโทรมและสร้างบาดแผล
คือลูกข่างที่เจ้าของของมัน ใช้เวลาในการ “โจ๊ะ” ตอนเริ่มเกมส์นานที่สุด(ช้าที่สุด)
การที่สามารถฝากรอยเดื่อยไว้บนลูกข่างของคนอื่นถือเป็นความสะใจอย่างยิ่งยวด
หากใครที่ฝีมือเข้าขั้น ประกอบกับการขวางลูกข่างที่หนักหน่วง
จะสามารถแยกร่างของลูกข่างเป้าหมายได้โดยง่ายดาย
หากใครที่ฝีมือเข้าขั้น ประกอบกับการขวางลูกข่างที่หนักหน่วง
จะสามารถแยกร่างของลูกข่างเป้าหมายได้โดยง่ายดาย
และทำให้เจ้าของลูกข่างลูกนั้นต้องหายหน้าไปจากวงการระยะหนึ่ง
เพื่อไปหาไม้ และทำลูกข่างลูกใหม่
เพื่อไปหาไม้ และทำลูกข่างลูกใหม่
แต่อย่างหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมผมมักต้องเป็นคนที่หายไป !!(T_T)
ความจริงมีอีกหลายเกมส์ที่ทำให้ชีวตในวัยเด็กของผมหาความสนุกได้ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย
“ซ่อนหา” …“โดดยาง” …“สะพานสี”… “ปล่อยดาวเทียม(วิ่งไล่จับ)”
…“เตย” …“อีแส่ะ” …“หมากเก็บ”… “มอญซ่อนผ้า”
…“เตย” …“อีแส่ะ” …“หมากเก็บ”… “มอญซ่อนผ้า”
สังคมอาจเปลี่ยนเร็วเกินไป จนทำให้เกมส์เหล่านี้ปรับตัวไม่ทัน
ทยอยล้มหายตายจากไป หรือการเดินทางมาของเกมส์ออนไลน์
ทำให้พื้นที่ของเกมส์เหล่านี้ถูกริบรอน
ทำให้พื้นที่ของเกมส์เหล่านี้ถูกริบรอน
นึกๆไป…ถ้าผมเดินเข้าไปบอกเด็กๆพวกนั้นว่า
มีเกมส์ที่สนุกไม่แพ้เกมส์ออนไลน์พวกนี้ และไม่ต้องเสียตังค์ซักกะบาท
มีเกมส์ที่สนุกไม่แพ้เกมส์ออนไลน์พวกนี้ และไม่ต้องเสียตังค์ซักกะบาท
ไม่รู้เด็กเหล่านั้นจะเชื่อผมไหม