วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บันทึก : ครูจันทร์

คืนนี้พระจันทร์ ใช้พื้นที่วงกลมได้สมราคา  เหลืองอร่ามสุกสกาวสดใส สุกงอมน่าจุมพิตยิ่งนัก  
ซ้ำยังใจดีปล่อยพื้นที่ให้กระต่ายน้อยได้วิ่งเล่นบนตัวจันทร์
กระต่ายคงสนุกและคงเพลิดเพลินกับการอยู่บนนั้น

มองแล้วน่าอิจฉาจันทร์ยิ่งนัก เพราะแม้จะลอยอยู่ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด สงัดและเงียบงัน
แต่จันทร์ไม่เคยเดียวดาย จันทร์มีมิตรสหายแห่งท้องฟ้า อยู่บนนภาผืนนั้นเสมอ คืนนี้ก็เช่นกัน
จันทร์ค่อยๆดึงผืนปุยเมฆขาวนวลเข้ามาห่มกาย ดูแล้วช่างอบอุ่นอิ่มใจ
ไม่นานก้อนเมฆก้อนใหม่ก็ไหลเข้ามาโอบกอดล้อมจันทร์ไว้อย่างพอแรง
สะท้อนแสงจันทร์ให้เห็นเป็นวงรัศมีสีทอง
ในคราวจันทร์เหงา ก็ชวนเหล่าดวงดาวมาตั้งวงล้อมคุยกันอย่างรื่นเริง
สร้างความบันเทิงไปทั่วท้องฟ้า จนต้องยิ้มออกมากลายเป็น พระจันทร์ยิ้ม
ให้เหล่าคนบนพื้นโลกได้ยิ้มตาม…(^^)…

พระจันทร์อยู่เป็นเพื่อนเหล่ามนุษยชาติมานานนม
“ขนมไหว้พระจันทร์” จึงเป็นเหมือนคำขอบคุณที่พวกเรามอบไว้ให้
ให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราคงอยู่ตลอดไป
ไม่รู้จันทร์จะกินจุแค่ไหน ต้องกินเท่าไหร่ถึงจะอิ่ม
ผมไม่รู้แต่ที่รู้  ผมเริ่มอิ่มแล้วเพราะกินขนมเป็นเพื่อนจันทร์ไปหลายก้อน…(>.<)

มีคนเคยบอกว่าจันทร์ให้พรได้  บางคนขอข้าว บางคนขอแกง บ้างแหวนทองแดงให้แก่น้องเขา
ผมไม่รู้ว่าจันทร์เคยให้พวกเขาหรือเปล่า พวกเขาจะสมหวังบ้างไหม
ไม่เคยมีใครออกมายืนยันว่าจันทร์นั้นเป็นผู้ให้จริงๆ
แต่ความจริงจันทร์ไม่เคยสัญญา ไม่เคยยื่นคำมั่นว่าจะมอบอะไรให้
แต่จันทร์ได้ทำอะไรให้เป็นตัวอย่าง ให้ผู้ที่สามารถมองเห็นและเปิดใจเรียนรู้ได้คิดตาม

หากจันทร์น้อยเนื้อต่ำใจกับการไร้แสงของตัวเอง จันทร์คงตัดพ้อลั่นท้องนภา
เพื่อใครสักคนบนฟ้าที่สร้างโลกจะได้ยิน ที่ลืมใส่แสงให้พระจันทร์ ให้ได้แข่งกับดวงอาทิตย์บ้าง
จันทร์ไม่เคยบ่นแต่กลับน้อมรับปรับใจ ให้ตัวเองเป็นเสมือนตัวแทนของดวงตะวัน
เมื่อวันย่างกลายเข้าสู่ราตรี เพื่อเป็นแสงส่องทางให้ใครสักคนที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดให้ได้เห็นทางเดินที่ควรไป

หากใจคนเป็นเหมือนใจจันทร์ ก็น่าจะทำตามบ้าง หากวันที่บอกกับตัวเองว่า
“ตัวเองช่างไร้ความหมาย” ขอให้จงกลับกลายทำลายความคิดนั้น
ให้หันมามองในมุมกลับ นับเอาคุณค่าที่เรามี
ให้เจิดจรัส สดใส ให้สว่างเปล่งแสง ดังแสงของจันทราเวลาสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์
คุณค่าของตัวเรา ไยต้องรอให้คนอื่นมาบอก เราเท่านั้นที่จะรับรู้และซาบซึ้งที่สุด….

หากใจคนเป็นเหมือนใจจันทร์ ก็น่าจะทำตามบ้าง หากวันที่บอกกับตัวเองว่า
“คุณค่าที่สร้างมาถูกทำลาย” ถูกทำให้หายไปเพราะใครบ้างคน
เหมือนคืนวันที่จันทร์เหลือเพียงเสี้ยว เหลือเพียงเสี้ยวของคุณค่าที่เคยมีมา
แต่จันทร์ไม่เคยเบื่อที่จะทิ้งความเจ็บปวดทั้งหลายไว้ให้เป็นเพียง สายลมที่พัดผ่าน
เหมือนกาลที่ไหลเลย และเฉลยปรัญญาชีวิตให้ได้คิดว่า พระจันทร์จะเต็มดวงอีกครั้ง

แม้ราตรีจะไม่เคยเห็นแสงตะวัน แต่แสงจันทร์ก็อาบท้องฟ้าให้ราตรีได้สุขใจ
บ้างครั้งชีวิตไม่สามารถมีสองอย่างพร้อมกันได้
แม้จะแค่สิ่งเดียว มันก็เพียงพอ... หากใจเราพอเพียง
  
วันนี้จันทร์สอนผมเยอะเหลือเกิน ขอบคุณ...ครูจันทร์
จันทร์ดวงนี้ที่ผมมอง จะเป็นจันทร์ดวงเดียวกับที่เธอมองไหม
...ผมว่าใช่นะ เพราะผมเห็นเธอในนั้น …(^^)…


บันทึกดวงจันทร์ : ผู้เวียนว่าย กับ นายดวงจันทร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น